SUKSAN CHAIRAKSA NO.5681114011
ENGLISH MAJOR ’01, FACULTY OF EDUCATION.
NSTRU
Learning
Log
การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถประยุกต์ใช้ภาษาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ในการเรียนรู้การฝึกทักษะนั้น เราจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากเลยก็ว่าได้
เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายๆ ที่จะทำกันได้ แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากจนเกินไป มันไม่ได้เป็นเรื่องยากเลย
ทุกคนสามารถทำได้ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่กำลังพยายามฝึกทักษะทางภาษาอังกฤษ
ไม่ว่าจะเป็นการฟัง พูด อ่าน และเขียน
ทำให้ผมเป็นคนที่ใช้ภาษาได้คล่องขึ้นไปอีก แต่แค่นั้นยังคงไม่พอ
ผมต้องฝึกต่อไปเรื่อยๆ สำหรับในครั้งนี้ผมได้หัดฝึกการพูด
แต่ก่อนจะฝึกการพูดได้นั้น เราต้องอ่านคล่องก่อน จากนั้นการอ่านจะทำให้เราคล่องตัวไปในเรื่องของการพูดอีกด้วย
“อยากพูดอังกฤษให้เก่งต้องหัดพูด"
หลายคนยังหาคำตอบไม่เจอว่าที่ผ่านมาฝึกกันอย่างถูกวิธีหรือยัง
เพราะส่วนใหญ่คนที่พูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง มักประสบปัญหาคล้ายๆ กัน คือ
เวลาที่ฝรั่งถามมา จะตอบได้แค่เพียงประโยคสั้นๆ อยากพูดยาวๆ แต่ก็พูดไม่ได้ ทั้งๆ
ที่รู้ว่าภาษาไทยต้องตอบยังไง ถามคำตอบคำ มันทำให้เราขาดความมั่นใจ
ทั้งที่เราเก่งศัพท์ ท่องหลักไวยากรณ์มาแล้วเป็นเวลาหลายสิบปี
1.
อย่ากลัวความผิดพลาดและกังวลกับหลักไวยากรณ์มากเกินไป
ปัญหาใหญ่สำหรับคนที่กำลังหัดพูดภาษาอังกฤษ
ที่ฝรั่งมักจะเรียกว่าเป็นอาการ “mental blocks” คือมีบางสิ่งในจิตใจที่ขัดขวางทำให้ไม่สามารถเข้าใจหรือทำอะไรบางอย่างได้
กลัวว่าจะพูดผิด
อายถ้าพูดประโยคภาษาอังกฤษได้ไม่สมบูรณ์แบบและไม่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์
ที่ท่องกันเป็นนกแก้วนกขุนทอง ความกังวลเหล่านั้นจะทำให้เรารู้สึกอึดอัดและพูดไม่ได้สักที
ใช้หลักการที่ว่า “การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าความสมบูรณ์แบบ”
2.
เริ่มต้นจากการฟัง
เคล็ดลับในการฟังให้ได้ผลก็คือ
“ฟังอย่างเข้าใจ และฟังอย่างต่อเนื่อง” เข้าใจคือเลือกฟังอะไรที่ง่ายไม่ยากเกินไป
อย่างเช่น ข่าวภาษาอังกฤษที่ทั้งยากและเร็ว ฟังกี่ครั้งก็ไม่มีวันเข้าใจ
ฟังมากแค่ไหนก็ไม่ช่วยอะไร ดังนั้นเลือกง่ายๆ เข้าไว้แล้วค่อยพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ
จะดีกว่า และฟังอย่างต่อเนื่อง วันละ 1-2 ชั่วโมง สามารถแบ่งเป็นเช้า 20 นาที เที่ยง
20 นาที และเย็นอีก 20 นาที เน้นว่าต้องฟังทุกวัน ห้ามวันเว้นวัน
แล้วจะเห็นผลที่ตามมาในมีกี่สัปดาห์
3.
ฟังแล้วตอบ
การฟังเพื่อให้เราเข้าใจภาษาอังกฤษได้มีประสิทธิภาพและสามารถโต้ตอบได้
ไม่ใช่ฟังซ้ำๆ หลายๆ ครั้ง เพื่อให้จำเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการ “ฟังและตอบคำถาม”
ในขั้นตอนแรกของการฝึกพูดภาษาอังกฤษให้ดี นั่นคือ การฟังจากบทสนทนาภาษาอังกฤษง่ายๆ
เมื่อเราฟังแล้ว ลอง “Pause” ในช่วงของคำตอบ
แล้วฝึกตอบอย่างรวดเร็ว จากคำถามที่เราฟัง ฝึกให้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องคิด
ภาษาอังกฤษของเราก็จะกลายเป็นระบบอัตโนมัติไปโดยปริยาย
หรือลองฝึกด้วยการหาติวเตอร์ชาวต่างชาติมาช่วยเล่าเรื่องราวสักหนึ่งเรื่อง เริ่มจากง่ายๆ
ก่อน เมื่อเล่าจบให้เขาลองถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่เล่าให้ฟัง
จะทำให้คิดคำตอบได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง
4.
เรียนรู้เป็นภาพ ไม่ใช่ตัวอักษร
ใช้วิธีการเรียนรู้คำศัพท์เป็นภาพ
และเรื่องราวแทนการจดคำศัพท์เป็นลิสต์ยาวๆ พร้อมคำแปล แล้วนั่งท่องนอนท่อง ให้เปลี่ยนมาเป็นการเรียนรู้คำศัพท์แบบเป็นวลี
ไม่จำเป็นคำๆ เวลาที่เจอคำศัพท์ใหม่ๆ ให้จดลงในสมุดโน้ต พร้อมกับวลีสั้นๆ
จะทำให้การพูดและหลักไวยากรณ์ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
5.
หยุดท่องหลักไวยากรณ์
ถ้าจะฝึกพูดภาษาอังกฤษให้ได้ต้องหยุดท่องหลักไวยากรณ์
เพราะนั่นเป็นวิธีที่ผิด เด็กๆ
ชาวต่างชาติจะพูดภาษาอังกฤษจากการเรียนรู้เองโดยธรรมชาติ จากการฟัง
สังเกตและเลียนเสียงพูดจนคล่องก่อนจะเริ่มเรียนหลักไวยากรณ์
เหมือนเด็กไทยที่เรียนรู้และพูดคำว่า “แม่” จากการฟังและฝึกออกเสียง
แล้วค่อยมาเรียนรู้วิธีการผสมคำในภายหลังนั่นเอง จริงๆ แล้วก็ใช้หลักในการเรียนรู้ภาษาเหมือนกันทั่วโลก
6.
เรียนรู้แบบช้าๆ แต่ลึกซึ้ง
เคล็ดลับที่จะทำให้พูดภาษาอังกฤษได้อย่างง่ายดายนั่นก็คือ
การเรียนรู้ทุกคำ และทุกวลีอย่างลึก (Deeply) ไม่ใช่แค่เรียนรู้ความหมาย ไม่ใช่แค่จำเพื่อไปทำข้อสอบ แต่เราจะต้องเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง
ลึกลงไปในสมอง การพูดภาษาอังกฤษให้ได้ง่ายเราต้องทำซ้ำหลายๆ ครั้ง ในแต่ละบทเรียน
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีหนังสือบทสนทนาภาษาอังกฤษ 1 เล่ม ในบทแรกให้ฟัง 30 ครั้ง
ก่อนที่จะผ่านไปบทที่ 2 โดยสามารถแบ่งเป็น 3 ครั้งในแต่ละวัน ให้ทำแบบนี้ไปจนครบ
10 วัน ต่อหนึ่งบท
7.
อย่าแปลเป็นไทย
สาเหตุที่คนไทยส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้แม้ว่าอาจจะฟังออกก็ถาม
นั่นก็คือ การแปลประโยคต่างๆ เป็นภาษาไทยก่อนตอบ
ซึ่งการพูดได้อย่างเป็นอัตโนมัติคือ ฟัง-คิด-พูด ต้องเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
โดยไม่มีการแปลเป็นไทยในหัว เพราะฉะนั้น เราควรพยายามแปลเป็นไทยให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ระบบที่คนไทยส่วนใหญ่คิดคือ ฟังภาษาอังกฤษเข้าหูมาแปลเป็นไทย คิดคำตอบภาษาไทย
แล้วแปลตอบออกไปเป็นภาษาอังกฤษอีกที
ซึ่งกว่าจะหลุดคำตอบออกมาได้ต้องผ่านขั้นตอนหลายอย่าง ผลคือพูดออกมาแบบตะกุกตะกัก
ไม่ไหลลื่นและเป็นธรรมชาติ วิธีการเรียนภาษาที่ถูกต้องก็คือ
ต้องพยายามแปลให้น้อยที่สุดหรือไม่แปลเลย เน้นความเข้าใจความหมายเป็นภาพจริงๆ
8.
เรียนรู้ที่จะคิดให้เป็นภาษาอังกฤษ
หนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะทำให้เราพูดภาษาอังกฤษได้นั่นก็คือ
“การคิดให้เป็นภาษาอังกฤษ” อีกหนึ่งวิธีที่ดีที่สุดที่ในการเรียนรู้ และจะทำให้คุณพูดได้อย่างง่ายดาย
ไม่ต้องอายถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นมา โดยเราสามารถทำตามกระบวนการและขั้นตอนได้
ดังนี้
Level
1 : คิดคำศัพท์ภาษาอังกฤษในแต่ละวัน
Level
2 : ลองเอาคำศัพท์มาแต่งให้เป็นประโยค
Level
3 : จินตนาการประโยคภาษาอังกฤษทั้งหมดให้เป็นเรื่องราวขึ้นมาในหัว
โดยให้คิดเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
9.
พูดด้วยคำศัพท์ที่แตกต่าง ดูดีมีความคิดสร้างสรรค์
นี่เป็นคำบรรยายที่เข้าใจได้
ว่าสิ่งที่กำลังจะสื่อสารหมายถึงอะไร รวมไปถึงคำศัพท์อื่นๆ
ที่จะใช้แทนกันได้ในภาษาอังกฤษ เช่น การกล่าวทักทาย ที่นอกจาก “hello”
แล้วมีคำว่าอะไรบ้าง หรือการกล่าวลา
วลีของการล่ำลาในภาษาอังกฤษนั้นก็มีมากมายหลายสถานการณ์ด้วยกัน
10.
ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
เปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เต็มไปด้วยภาษาอังกฤษ
ถือเป็นการฝึกฝนไปในตัว แต่ถ้าจะให้ง่ายและรวดเร็วที่สุดนั่นก็คือ
“พยายามหาเพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติ” นอกจากจะได้เพื่อนแล้ว เรายังได้ฝึกภาษาด้วย ที่สำคัญเพื่อนชาวต่างชาติที่จะช่วยให้เราแก้ไขคำผิด
ทั้งคำศัพท์ รูปประโยคและหลักไวยากรณ์ต่างๆ
เพื่อเป็นการฝึกภาษาและฟังสำเนียงที่ถูกต้องนั่นเอง
วิธีข้างต้นที่กล่าวมาเป็นการฝึกพูดภาษาอังกฤษอย่างหนึ่งที่สามารถนำไปใช้ได้เป็นอย่างดี
เราควรตั้งใจในการฝึก ทำให้ผลออกมาดี ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้ใช้ภาษาอังกฤษทุกวันๆ ละ
10 นาที และจะดีมากๆ ถ้าใช้ภาษาอังกฤษมากกว่า 1 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์
แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ แต่ก็ยังมีวิธีอีกมากมายที่จะทำให้ภาษาอังกฤษมีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของเรา
เช่น ภาษาอังกฤษในขณะที่กำลังขับรถไปทำงาน, อ่านข่าวหรือฟังข่าวออนไลน์เป็นฟังภาษาอังกฤษแทนภาษาไทย,
ฝึกการคิดเป็นภาษาอังกฤษในขณะที่กำลังทำงานบ้านหรือออกกำลังกาย,
อ่านบทความ ฟังพอดคาสต์ หรือดูวิดีโอภาษาอังกฤษในแบบที่ชอบ เป็นต้น
สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะทำให้เราเป็นคนที่เก่งภาษาอังกฤษยิ่งๆ ขึ้นไป
http://www.mindenglish.net/
http://www.espressoenglish.net/how-to-speak-fluent-english-top-10-tips/
http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9570000135614/
SUKSAN CHAIRAKSA NO.5681114011
ENGLISH MAJOR ’01, FACULTY OF EDUCATION.
NSTRU
No comments:
Post a Comment