SUKSAN CHAIRAKSA NO.5681114011
ENGLISH MAJOR ’01, FACULTY OF EDUCATION.
หลักการแปลวรรณกรรม
ปัจจุบันนี้ภาษาอังกฤษมีบทบาทสำคัญยิ่งและเป็นตัวจักรสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยพัฒนาได้ทัน
ต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก โดยมุ่งใช้ความก้าวหน้าของสังคมฐานความรู้
และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี สารสนเทศเป็นปัจจัยชี้นำในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย
จะต้องเตรียมความพร้อมของบุคลากรให้มีสมรรถนะทางด้านภาษาเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ซึ่งจะ มีผลในปี พ.ศ. 2558 และจะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีของประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ดังนั้นการเตรียมความพร้อมของบุคลากรของประเทศเพื่อให้มีทักษะภาษาอังกฤษในระดับที่สามารถติดต่อสื่อสาร
แสวงหาความรู้ สร้างความร่วมมือ เจรจาต่อรอง และสร้างความสัมพันธ์อันดีได้
จึงมีความสำคัญ เป็นอย่างยิ่ง โดยการหมั่นศึกษาหาความรู้ของพวกเรานั่นเอง
“วรรณกรรม”
(Literature)
หมายถึง
หนังสือที่แต่งขึ้นด้วยความคิดสร้างสรรค์ไม่ว่าจะใช้วิธีร้อยแก้วหรือร้อยกรอง
ไม่ว่าจะเป็นผลงานของกวีโบราณหรือปัจจุบัน ซึ่งคงจะรวมถึงสิ่งที่เรียกว่า
“วรรณคดี” หรือเป็นงานเขียนที่แต่งขึ้นหรืองานศิลปะ ที่เป็นผลงานอันเกิดจากการคิด
และจินตนาการ แล้วเรียบเรียง นำมาบอกเล่า บันทึก ขับร้อง
หรือสื่อออกมาด้วยกลวิธีต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว จะแบ่งวรรณกรรมเป็น 2 ประเภท คือ
วรรณกรรมลายลักษณ์ คือวรรณกรรมที่บันทึกเป็นตัวหนังสือ และวรรณกรรมมุขปาฐะ
อันได้แก่วรรณกรรมที่เล่าด้วยปาก ไม่ได้จดบันทึก
นวนิยายแปลเป็นหนังสือที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในทุกประเทศและทุกกาลสมัย
ผู้แปลมีความสำคัญเกือบจะเท่ากับผู้แต่ง งานแปลนวนิยายและหนังสือประเภทบันเทิงคดี
มักจะนำชื่อเสียงเกียรติคุณมาสู่ผู้แปล
ดังนั้นงานแปลประเภทนี้จึงมีความสำคัญมากในวงการแปล คุณค่าของวรรณกรรมอยู่ที่ศิลปะในการใช้ภาษาของผู้แปลที่สามารถค้นหาถ้อยคำสำนวนสละสลวยไพเราะสอดคล้องกับต้นฉบับได้เป็นอย่างดี
หลักการแปลนวนิยาย
1. การแปลชื่อเรื่องของวรรณกรรม
· ชื่อหนังสือหรือชื่อภาพยนตร์มีความสำคัญเป็นอันดับแรก
เพราะผู้แต่งได้พิถีพิถันตั้งชื่องานอย่างดีที่สุด
เพื่อบอกคุณลักษณะของงานเพื่อเร้าใจผู้อ่านผู้ชมให้สนใจกระหายใคร่ติดตามงานของเขา
และเพื่อบอกผู้อ่านเป็นนัยๆว่า ผู้เขียนต้องการสื่ออะไรต่อผู้อ่าน
· การแปลชื่อเรื่องไม่แปล
แต่ใช้ชื่อเดิม (ทับศัพท์) ด้วยวิธีการถ่ายทอดเสียง หรือถ่ายทอดตัวอักษร
· แปลตรงตัว
ถ้าชื่อต้นฉบับมีความสมบูรณ์ครบถ้วนเหมาะสมก็จะใช้วิธีแปลตรงตัวโดยรักษาคำและความหมายไว้ด้วยภาษาไทยที่ดีและกะทัดรัด
· แปลบางส่วนดัดแปลงบางส่วน
จะใช้วิธีนี้ต่อเมื่อชื่อในต้นฉบับห้วนเกินไปไม่ดึงดูดืและไม่สื่อความหมายเพียงพอ
· ตั้งชื่อใหม่โดยการตีความชื่อเรื่องและเนื้อเรื่อง
ผู้แปลต้องใช้ความเข้าใจวิเคราะห์ชื่อเรื่องและเนื่องเรื่องจนสามารถจับประเด็นสำคัญ
และลักษณะเด่นของเรื่อง จึงสามรถตั้งชื่อใหม่ที่ดีได้
2.
การแปลบทสนทนา
สิ่งที่เป็นปัญหายุ่งยากของการแปลนวนิยายคือ
บทสนทนา หรือถ้อยคำโต้ตอบกันของตัวละคร ซึ่งใช้ภาษาพูดหลายระดับ
แตกต่างกันตามสถานภาพทางสังคมของผู้พูด ตั้งแต่ภาษา ราชาศัพท์ ภาษาสุภาพ
ภาษาที่เป็นทางการ ภาษากันเอง และบางครั้งก็เป็นภาษาพูดระดับตลาด
ซึ่งเต็มไปด้วยคำแสลง คำตัดสั้นๆที่ใช้กันตามความเป็นจริง
3. การแปลบทบรรยาย
เป็นข้อความที่เขียนเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ซึ่งมักใช้ภาษาเขียนที่ขัดเกลาและแตกต่างกันหลายระดับ
ก่อให้เกิดความยุ่งยากในการแปลเพื่อให้สอดคล้องกับต้นฉบับเดิม
บทละคร
คือ วรรณกรรมการแสดงถ้าไม่มีดรตรีหรือบทร้อยกรองประกอบเรียกว่า ละครพูด
ถ้ามีดนตรีหรือบทร้องเป็นส่วนสำคัญก็เรียกกันทั่วไปว่า ละครร้อง ละครรำ
ละครไทยมีชื่อเรียกมากมาย เช่น ละครชาตรี ลิเก
หลักการแปลบทละคร
· การอ่านต้นฉบับบทละคร
อ่านหลายๆครั้ง อ่านครั้งแรกเพื่อทำความเข้าใจเนื้อเรื่องอย่างคร่าวๆ
ตรวจสอบความเข้าใจด้วยการตั้งคำถาม ใคร
ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อใด
อ่านครั้งต่อไปเพ่อค้นหาความหมายของคำและวลีที่ไม่รู้จักโดยใช้พจนานุกรมช่วย
และหาความรู้รอบตัวเมเติมเกี่ยวกับต้นฉบับ
บทภาพยนตร์ที่นำแปลจะถ่ายทอดเป็นบทเขียนก่อน
นอกจากบางครั้งไม่มีบทเขียน ผู้แปลต้องดูและฟังจากฟิล์ม
จุดประสงค์หลักของบทภาพยนตร์แปลมี 2 ประการ คือ
หลักการแปลบทภาพยนตร์
· นำบทแปลไปพากย์
หรืออัดเสียงในฟิล์ม
· นำบทแปลไปเขียนคำบรรยายในฟิล์ม
· วิธีแปลบทภาพยนตร์
มีขั้นตอนดำเนินการเช่นเดียวกับการแปลบทละคร และการ์ตูน ซึ่งต้องอ่านทั้งข้อความ
ภาพ และฉากพร้อมๆกันโดยมีสัมพันธภาพต่อกัน
บันเทิงคดีประเภทนิทาน นิยาย เรื่องเล่า
เป็นสิ่งที่มีมาแต่โบราณสมัยที่ยังไม่ใช้ตัวอักษรสื่อสารกัน
คนโบราณสื่อกันด้วยการบอกเล่า นิทาน นิยาย
และเรื่องเล่าจึงเป็นการเล่าเรื่องด้วยปากด้วยวาจา
หลักการแปลนิทาน
นิยาย
1.
การอ่านต้นฉบับนิทาน
· อ่านครั้งแรกอย่างรวดเร็วเพื่อทำความเข้าใจเนื้อเรื่องของนิทาน
แล้วตรวจสอบความเข้าใจเนื้อเรื่องด้วยคำถามทั้ง 5 คือ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อใด
ทำไม อ่านครั้งต่อไปอย่างช้า และค้นหาความหมาย และคำแปล ทำรายการคำ และวลี
ที่ไม่ทราบความหมาย ค้นหาความหมายในพจนานุกรม
2. การเขียนบทแปล
· การใช้ภาษาในนิทานอีสปเรื่องนี้เป็นภาษาระดับกลาง
ใช้วิธีเขียนแบบเก่า โบราณ ไม่เหมือนปัจจุบัน
การใช้ภาษาในการแปลสรรพนามที่สัตว์ใช้นิทานนี้ ควรใช้ภาษาเก่า เช่น เจ้า ข้า
ตอนจบเป็นคำสอน การแปลชื่อของเรื่องนี้ สามารถใช้วิธีแปลตรงตัวได้
ผู้อ่านจะต้องเข้าใจปมของอารมณ์ขัน
และหยิบยกขึ้นมาแปลถ่ายทอดให้ตรงตามต้นฉบับ
เรื่องเล่าแฝงอารมณ์ขันมักจะใช้ถ้อยคำจำกัดกะทัดรัด
ถ้ามีความกำกวมก็เป็นเพราะผู้เขียนจงใจ เพราะความกำกวมสร้างอารมณ์ขันได้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะกระชั้นชิดแบบรวดเดียวจบ เพื่อให้ความกระชับ
ตอนจบเป็นจุดเด่นของเรื่อง
หลักการแปลเรื่องเล่า
การดำเนินแปลตามขั้นตอน
เช่นเดียวกับการแปลวรรณกรรมประเภทอื่นๆ
คือเริ่มต้นด้วยการอ่านต้นฉบับให้เข้าใจแล้วเขียนบทแปล
1. การอ่านต้นฉบับเรื่องเล่า
· อ่านครั้งแรกอย่างรวดเร็วเพื่อทำความเข้าใจเนื้อเรื่องของนิทาน
แล้วตรวจสอบความเข้าใจเนื้อเรื่องด้วยคำถามทั้ง 5 คือ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อใด
ทำไม
2. การเขียนบทแปล
· การใช้ภาษาในเรื่องนี้เป็นภาษาระดับกลาง
มีความกำกวม และอารมณ์ขัน ผู้แปลต้องเลือกหาคำที่ฟังดูน่าขัน
หลักการสำคัญในการแปลการ์ตูน
คือการใช้คำแปลที่สั้น ชัดเจน เข้าใจได้ หรือสื่อความหมายได้
สามรถจำกัดจำนวนคำให้อยู่ภายในกรอบคำที่พูดได้ ภาษาในบทสนทนาของการ์ตูนมีหลายระดับขึ้นอยู่กับตัวละครที่สร้างขึ้น
ซึ่งผู้แปลต้องใช้ความสังเกต และความระมัดระวังให้การใช้ภาษาแปลมีความสอดคล้องกัน
หลักการแปลการ์ตูน
วิธีแปลการ์ตูนดำเนินการแปลตามขั้นตอนเช่นเดียวกับการแปลเรื่องเล่า
คือเริ่มต้นด้วยการอ่านต้นฉบับให้เข้าใจโดยสังเกตรายละเอียดของภาพด้วย
1. การอ่านและดูภาพการ์ตูน
การอ่านครั้งแรก อ่านเร็วๆ
เพื่อทำความเข้าใจคำพูด และภาพ แล้วตอบคำถาม
2. การเขียนบทแปล
· เมื่อเข้าใจเรื่องราวตลอดแล้ว
อ่านซ้ำอีกอย่างละเอียดเพื่อเตรียมการเขียน
ถ้ายังเขียนไม่ได้ก็หมายความว่ายังเข้าใจไม่ชัด เพราะติดศัพท์บางตัว
ผู้แปลควรหาหนังสือมาอ่าน
กวีนิพนธ์เป็นวรรณกรรมที่แต่งเป็นบทร้อยกรอง
มีกฎเกณฑ์แน่นอนตายตัวด้วยการจำกัดจำนวนคำ จำนวนพยางค์ และจำยวนบรรทัด
ทั้งเสียงหนัก – เบา การสัมผัส และจังหวะไทยเราเรียกข้อบังคับของกวีนิพนธ์ว่า
นทลักษณ์ ใช้เป็นแนวทางแต่งโคลงฉันท์กาพย์กลอน
หลักการแปลกวีนิพนธ์
จุดมุ่งหมายของกวีนิพนธ์
เพื่อเล่าเรื่อง ให้ความรู้และสอนศีลธรรมขณะเดียวกันก็ให้ความบันเทิงเพลิดเพลิน
มุ่งแสดงความรู้สึกนึกคิดมากกว่าเล่าเรื่อง
ดังนั้นการแปลกวีนิพนธ์จึงต้องแปลให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายด้วย
ลักษณะของการแปลกวีนิพนธ์
1. แปลเป็นร้อยกรอง
· ส่วนใหญ่จะใช้ในการเขียนเล่าถึงการท่องเที่ยว
หรือการเดินทาง
2. แปลเป็นร้อยแก้วที่ประณีต
ปัญหาการแปลกวีนิพนธ์
1. ความเข้าใจ
· ผู้แปลจำเป็นต้องเข้าใจภูมิหลังของกวีมากพอสมควร
จึงจะเกิดความเข้าใจที่ถ่องแท้ได้
2. การเลือกใช้ถ้อยคำสำนวน
ทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้และใช้ภาษาอังกฤษ
ในการพัฒนาตนเอง เตรียมพร้อมด้านภาษา
จะเห็นได้ว่าความจำเป็นในการฝึกฝนภาษาอังกฤษจากสื่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแหล่งเรียนรู้ใน
internet
จึงเป็นเสมือนแหล่งขุมทรัพย์แห่งการเรียนรู้
เปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้ฝึกทักษะการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารทั้งด้านฟัง พูด อ่าน
และเขียน และฝึกในบริบทที่มีความหลากหลาย สามารถเลือกเนื้อหาได้ตามความสนใจ
ขอเพียงมีความมุ่งมั่น There is really no excuse for not learning
English. ไม่มีข้ออ้างที่จะไม่เรียนภาษาอังกฤษกันอีกแล้ว Practice
makes perfect !
https://th.wikipedia.org/wiki/วรรณกรรม/
No comments:
Post a Comment