SUKSAN CHAIRAKSA NO.5681114011
ENGLISH MAJOR ’01, FACULTY OF EDUCATION.
ภาษาไทยที่เป็นธรรมชาติ
ในมุมมองของผู้คนในแทบทุกส่วนของโลก
ความสำคัญของภาษาอังกฤษในฐานะภาษาโลกได้ปรากฏเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งนี้เนื่องมาจากอิทธิพลทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาพูด
ซึ่งดำเนินต่อเนื่องมานานกว่า 200 ปี และสถานะของภาษาอังกฤษก็มั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ
ตามเวลาที่ผ่านไป ผู้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่มีอยู่มากถึงประมาณ 300 ล้านคน
มีผู้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองอีกถึง 300 ล้านคน แล้วยังมีอีกประมาณ 100
ล้านคนที่ใช้ภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่ว อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงประมาณการอย่างต่ำเท่านั้น
หากเรานับรวมไปถึงผู้ที่มีความคล่องแคล่วต่ำลงไป
ผู้ใช้ภาษาอังกฤษจะมีจำนวนรวมถึงกว่าหนึ่งพันล้านคน ฉะนั้นเราจึงควรเร่งเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษให้เร็วที่สุดที่จะทำได้
วัฒนธรรม
มาจากคำว่า “ วัฒน ” หมายถึง ความเจริญงอกงาม “ ธรรม ” หมายถึง
คุณงามความดีที่เจริญงอกงามอันนำไปสู่วิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์อย่างมีแบบแผนในการประพฤติและปฏิบัติ พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธทรงบัญญัติจากคำภาษาอังกฤษว่า
Culture
วัฒนธรรมเป็นมรดกของสังคมที่สืบทอดความรู้ความคิดและความเชื่อถือซึ่งเป็นค่านิยมที่ทำให้เกิดความมีระเบียบแบบแผน
ความสามัคคีและมีศีลธรรมที่แสดงลักษณะเฉพาะตัวเอาไว้ ที่เรียกว่า เอกลักษณ์
การเขียนบทแปลที่ดีต้องเขียนด้วย
“ภาษาที่เป็นธรรมชาติ”
ซึ่งหมายถึงภาษาเขียนภาษาพูดที่คนไทยทั่วไปใช้กันจริงในสังคมไทย ทั้งนี้เพื่อให้คนไทย
ผู้อ่านผู้ใช้งานสามารถเข้าใจทันทีไม่มีอุปสรรคในการรับสารที่สื่อจากบทแปล
องค์ประกอบที่นักแปลต้องพิจารณาในการเขียนด้วยภาษาไทยที่เป็นธรรมชาติ ได้แก่
องค์ประกอบย่อยของการแปล คือ คำ ความหมาย การสร้างคำ และสำนวนโวหาร ดังนี้
1. คำและความหมาย
· คำบางคำมีความหมายแตกต่างกันหลายอย่างมีทั้งความหมายตรงและความหมายแฝง
หรือความหมายเชิงเปรียบเทียบ คำบางคำมีความหมายต่างกันไปตามยุคสมัย เช่น
ในสมัยก่อนๆมีความหมายอย่างหนึ่งแต่ในปัจจุบันแตกต่างไปอีกอย่างหนึ่ง
บางครั้งก็ตรงกันข้ามกัน บางครั้งก็มีความหมายไปในทางที่ดี
บางครั้งก็มีความหมายไปในทางที่แย่ลง
2. การสร้างคำกริยา
· การเสริมท้ายคำกริยา
ด้วยคำกริยา ซึ่งบางคนอาจจะเห็นว่าทำให้ภาษายุ่งยาก
อย่างไรก็ตามบางครั้งก็ชัดเจนขึ้น ถ้าเราเข้าใจความหมายที่แท้จริงดั้งเดิมของมัน
3. การเข้าคู่คำ
· การนำคำหลายคำมาเข้าคู่กันเพื่อให้ได้คำใหม่โดยมีความหมายใหม่หรือมีความหมายคงเดิม
สำนวนโวหาร
โวหาร
หมายถึง ถ้อยคำที่ใช้ในการสื่อสารที่เรียบเรียงเป็นอย่างดี มีวิธีการ
มีชั้นเชิงและมีศิลปะ
เพื่อสื่อให้ผู้รับสารรับสารได้อย่างแจ่มแจ้ง ชัดเจนและลึกซึ้ง รับสารได้ตามวัตถุประสงค์ของผู้ส่งสาร
ในการแปลขั้นสูงนี้ผู้แปลจักต้องรู้จักสำนวนการเขียน
และการใช้โวหารหลายๆแบบ มิฉะนั้นจะทำให้เข้าใจความหมายไม่ชัดเจน
บางครั้งอาจเข้าใจผิดเป็นตรงกันข้ามก็ได้ ในหนังสือที่แต่งดี
มักจะประกอบด้วยสำนวนโวหารที่มีลักษณะดังต่อไปนี้
1. ถูกหลักภาษา
·
ไม่ขัดกับหลักไวยากรณ์
ถึงจะพลิกแพลงไม่ตรงไปตามหลักเกณฑ์บ้าง ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
2. ไม่กำกวม
· สำนวนโวหารที่ดีจะชัดเจน
แม่นตรง ไม่ชวนให้เข้าใจเข้าใจไขว้เขว สงสัย
3. มีชีวิตชีวา
· ไม่เนิบนาบ
เฉื่อยชา ยึดยาด แต่มีชีวิตชีวา เร้าใจ ชวนให้ผู้อ่านรู้สึกกระตือรือร้นอยากอ่านต่อจนจบ
4. สมเหตุสมผล น่าเชื่อถือ
มีเหตุผลรอบคอบ ไม่มีอคติ ไม่สร้างความหลงผิด ให้แก่ผู้อ่าน
· น่าเชื่อถือ
มีเหตุผลรอบคอบ ไม่มีอคติ ไม่สร้างความหลงผิด ให้แก่ผู้อ่าน
5. คมคายแยบแหลม
· การใช้คำพูดที่เข้มข้น
หนักแน่น แฝงข้อคิดที่ฉลาด โดยใช้ถ้อยคำไม่กี่คำ สำนวนแบบนี้มักจะได้แก่สุภาษิต
คำพังเพย
ภาษาอังกฤษได้เริ่มกลายเป็นจุดศูนย์กลางของวิธีที่ผู้คนเรียนรู้ภาษา
การเรียนรู้คำ,
ความหมายและการใช้คำ
ได้รับการยอมรับสูงขึ้นในฐานะของการเรียนรู้ภาษา ไม่ใช่เป็นเพียงกิจกรรมประกอบที่น่ารำคาญหรือไม่เกี่ยวข้อง
(กับการเรียนรู้ภาษา) อีกต่อไป
ซึ่งเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสามารถนำมาประยุกต์เพื่อใช้ในการสอนภาษาอังกฤษได้
โดยที่ผู้เรียนสามารถทำการศึกษาได้ด้วยตนเอง
อันจะขจัดความไม่สะดวกและการขาดประสิทธิภาพของการเรียนแบบดั้งเดิมไปได้อย่างเป็นที่สิ้นสุด
http://www.ipesp.ac.th/learning/thai/chapter5-10.html
https://mook5013.wordpress.com /บทเรียน/บทที่-๘-ธรรมชาติของภาษา/
No comments:
Post a Comment