SUKSAN CHAIRAKSA NO.5681114011
ENGLISH MAJOR ’01, FACULTY OF EDUCATION.
บทที่ 1
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการแปล
ความสำคัญของการแปล
- ปัจจุบันมีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสื่อสารเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวาง
เนื่องจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้ในการเดินทาง ตลอดจนในการศึกษา
- แสดงให้เห็นว่า
ภาษาอังกฤษมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งเป็นภาษาของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีด้วย จึงมีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อในการแสดงและอธิบายความหมายเพื่อการโต้ตอบระหว่างมนุษย์ทั่วโลก
- การใช้ภาษาต่างประเทศในหน่วยงานต่าง ๆ
ก็เพิ่มขึ้นทุกที่ปรากฏว่า ภาษาอังกฤษมีปริมาณการใช้มากที่สุด เพราะ 1. หน่วยงานต่าง ๆ ได้ขยายปริมาณ
2. มีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก
3. มีตำรา เอกสารภาษาอังกฤษซึ้งเป็นแหล่งวิทยาการหลายสาขา
การแปลในประเทศไทย
- มีมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชส่งโกษาปานไปเฝ้าพระเจ้าหลุยส์แห่งประเทศฝรั่งเศส
จึงมีการฝึกนักแปลประจำราชสำนัก
- ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการแปลเอกสารต่างๆในการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ
และมีการสอนภาษาอังกฤษในราชสำนัก
- การแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยเริ่มมีบทบาทสำคัญในสังคมไทย
ตั้งแต่ความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ รวมทั้งความเจริญทางเทคโนโลยี
ทำให้ความต้องการด้านการแปลจึงมากขึ้นเป็นลำดับ
- การแปลจะช่วยให้ลดความไม่เข้าใจกันเนื่องจากมีวัฒนธรรมแตกต่างกัน
และ สร้างความเข้าใจระหว่างนานาชาติทำให้เกิดสันติภาพในโลก
- งานแปลของไทยมีบริษัทตัวแทนในการค้าขายจากต่างประเทศ
มีผู้เชี่ยวชาญ และที่ปรึกษาชาวต่างประเทศในการพัฒนาประเทศ ในด้านต่างๆ
ตลอดจนมีการท่องเที่ยวที่นำเงินรายได้ให้กับประเทศ จึงควรมีการแปลงงานทุกอย่างหรือแปลมาเป็นภาษาไทยให้มากที่สุด
เพื่อสร้างความเข้าใจอันดี ระหว่างประเทศ ระหว่างประชาชน และระหว่างสังคม ระหว่าง
วัฒนธรรม ที่แตกต่างกันของประเทศต่างๆไม่ว่าจะเป็นงาน ด้านวิชาการหรือเรื่องสั้น
นวนิยาย วรรณคดี และบทประพันธ์ต่างๆ
การแปลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- ผู้แปลจะต้องเป็นกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
และมีนักภาษาด้วย เพื่อป้องกันการใช้ภาษาวิบัติ และพัฒนาภาษาให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่อง
- การแปลมีปัญหาอยู่มาก เนื่องจากขาดความรู้เรื่องพื้นฐานทางวัฒนธรรม
ดังนั้น ผู้แปลจะต้องติดตามวิชาการด้านวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีตลอดเวลา เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ทันที
การสอนแปลในระดับมหาวิทยาลัย
- เป็นการสอนไวยากรณ์และโครงสร้างของภาษา
การใช้ภาษา รวมทั้งการอ่านเพื่อความเข้าใจ
- เนื่องจากนักศึกษายังขาดความรู้ในเรื่องเหล่านี้และผู้ที่จะแปลได้ควรจะเป็นผู้ที่มีความรู้ทางภาษาอย่างดีแล้ว
ดังนั้น นักศึกษาจะต้องได้รับการฝึกฝนในเรื่องไวยากรณ์และโครงสร้างภาษาอังกฤษอย่างได้ผลจริงๆ
ทำความเข้าใจและนำมาใช้ในวิชาเเปล เพราะจะทำให้สามารถอ่านและเขียนภาษาอังกฤษได้ดี ไม่เกิดปัญหาในการอ่านหรือเขียนประโยคบางแบบโดยเฉพาะประโยคที่มีโครงสร้างยากๆหรือยาวๆทั้งในภาษาต้นฉบับและภาษาที่จะใช้แปล
การแปลคืออะไร
- คือการถ่ายทอดความคิดจากภาษาหนึ่งไปยังอีกภาษาหนึ่ง
โดยให้มีใจความครบถ้วนสมบูรณ์ตรงตามต้นฉบับทุกประการ
ไม่มีการตัดต่อหรือแต่งเติมที่ไม่จำเป็นใด ๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งควรรักษาให้ได้รูปแบบตรงตามต้นฉบับเดิมหากทำได้
- เป็นสิ่งที่ฝึกฝนได้ในขอบเขตหนึ่ง คือ
ในส่วนที่เป็นความรู้ทางด้านภาษา
- เป็นเรื่องที่สามารถเรียนรู้และฝึกปฏิบัติได้
- การแปลทางด้านวรรณคดีและการแปลร้อยกรองเป็นศิลปะชั้นสูงที่ต้องอาศัยจินตนาการ
ความคิดสร้างสรรค์ พรสวรรค์และความสามารถเฉพาะของผู้เรียน
คุณสมบัติของผู้แปล
-
เนื่องจากการแปลเป็นทักษะและศิลปะที่มีขบวนการที่กระทำต่อภาษา
ผู้แปลจึงควรมีลักษณะดังนี้
1. เป็นผู้ที่มีความรู้ในภาษาต้นฉบับ
และภาษาที่ใช้แปลดี และหมั่นค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ
2. เป็นผู้ที่ชอบค้นคว้าหาความรู้ในวิชาการแขนงอื่น
ๆ
3. เป็นผู้ที่มีวิจารณญาณในการแปล
4. เป็นผู้ที่มีใจกว้างพอที่จะรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
5. เป็นผู้สามารถอุทิศเวลาการแปลได้อย่างแท้จริง
- นักแปลที่มีคุณภาพ
หมายถึง
นักแปลที่มีความสามารถถ่ายทอดความคิดของต้นฉบับได้อย่างครบถ้วน
โดยไม่ขาดหรือเกิน มีความรู้ภาษาของต้นฉบับ และภาษาที่ใช้แปลเป็นอย่างดี
จึงควรจะฝึกแปลจากภาษาต่างประเทศมาเป็นภาษาแม่
- ความต้องการของตลาดงานแปลในปัจจุบัน
เน้นการแปลข้อความจากภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะจากภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทยมากที่สุด
และวิธีการเเปลส่วนใหญ่คือแปลเรียบเรียงตรงตามต้นฉบับโดยไม่ตัดทอน
รองลงไปได้แก่เก็บความ เรียบเรียงและเขียนใหม่
วัตถุประสงค์ของการสอนเเปล
1. เป้าหมายที่สำคัญของการสอนแปล
คือ การฝึกเพื่อผลิตนักแปลที่มีคุณภาพให้ออกไปรับใช้สังคมในด้านต่างๆ
2. การสอนแปลให้ได้ผลวิชาแปลเป็นวิชาที่เกี่ยวเนื่องกับทักษะ 2 ทักษะ คือทักษะในการอ่านและทักษะในการเขียน ผู้แปลจะต้องอ่านเข้าใจ
สามารถจับใจความสำคัญได้และสามารถถ่ายทอดความเข้าใจนั้นออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรได้
3. ผู้สอนแปลต้องหาทางเร่งเร้าให้ผู้เรียนได้อ่านอย่างกว้างขวางมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมให้มีการค้นคว้าเพื่อหาทางแก้ปัญหาด้วยตนเองจากหนังสืออ้างอิงหรือแหล่งวิชาการต่างๆ
4. ให้ผู้เรียนแปลได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักแปลอาชีพหรือผู้ใช้บริการการแปล
การแปลที่ดีจะต้องถ่ายทอดความหมายของต้นฉบับได้อย่างถูกต้อง
สวยงาม จนกระทั่งผู้อ่านไม่รู้สึกว่าตนเองกำลังอ่านสำนวนแปล
ผู้แปลจะต้องมีศิลปะที่จะซ่อนเร้นร่องรอยของการแปลไว้อย่างมิดชิด จนกระทั่งผู้อ่านเกิดความประทับใจเช่นเดียวกับการอ่านจากต้นฉบับ
บทบาทของการแปล
- การแปลเป็นทักษะที่พิเศษในการสื่อสาร คือ
ผู้รับสาร ไม่ด้รับสารจากผู้ส่งสารคนแรกโดยตรง แต่รับสารจากผู้แปลอีกทอดหนึ่ง
- ในการสื่อสารมีผู้แปลเป็นตัวกลางระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร
ผู้แปลในฐานะที่เป็นตัวกลางในการส่งสารจึงมีบทบาทสำคัญมาก
เพราะผู้แปลจะต้องเป็นตัวกลางระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร
ลักษณะของงานแปลที่ดี
1. ความหมายถูกต้อง
และครบถ้วนตามต้นฉบับ
2.
รูปแบบของภาษาที่ใช้ในฉบับแปลตรงกันกับต้นฉบับ
3.
สำนวนภาษาที่ใช้สละสลวยตามระดับของภาษา
- การแปลที่แปลให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุด
คือ พยายามรักษาความหมายให้คงอยู่ครบถ้วน พร้อม ๆ กับพยายามรักษารูปแบบ หรือโครงสร้างของต้นฉบับไว้ด้วย
ลักษณะงานแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยที่ดี
1. ภาษาไทยที่ใช้ในงานแปลนั้นมีลักษณะเป็นธรรมชาติ
ไม่ติดสำนวนฝรั่ง ปรับให้เป็นสำนวนไทยตามที่ใช้กันโดยทั่วไป ใช้ศัพท์เฉาะสาขา
ศัพท์เทคนิค รูปประโยควรรคตอน ตลอดจนสำนวนเปรียบเทียบได้อย่างเหมาะสม
2. สามารถนำต้นฉบับภาษาอังกฤษมาเทียบเคียงกับคำแปลภาษาไทยได้
เน้นความชัดเจนของภาษาเป็นสำคัญ
3. ใช้การแปลตีความ แปลแบบเก็บความเรียบเรียงและเขียนใหม่
ไม่แปลคำต่อคำ
การให้ความหมายในการแปล
- การส่งสารโดยวิธีการแปลเป็นภาษาแม่ของตน การให้ความหมายมี 2 ประการคือ
1. การแปลที่ใช้รูปประโยคต่างกันแต่มีความหมายอย่างเดียวกัน
2. การตีความหมายจากบริบทของข้อความต่างๆ อาจจะดูจากสิ่งของ รูปภาพ การกระทำ
ตลอดจนสถานภาพต่าง ๆ
-
การแปลอังกฤษเป็นไทย ต้องคำนึงถึงความหมาย ดังนี้
1.
อนาคตกาล
2. โครงสร้างประโยคอื่น
ๆ ในการแปลแบบของกาลในภาษาอังกฤษ ไวยากรณ์ มีบางอย่างยากที่ยาก
3.
ศัพท์เฉพาะ
4.
ตีความทำนาย
การแปลกับการตีความจากบริบท
- ความใกล้เคียง และความคิดรวบยอด ไม่ใช่เเปลให้ความหมายเดียวกันในรูปประโยคที่ต่างกัน
แต่ให้ดูสถานภาพที่เป็นอยู่ของข้อความ
ดังนั้นผู้แปลจึงต้องทำให้นามธรรมนั้นออกมาเป็นความคิดรวบยอดจากรูปภาพและสามารถสรุปความหมายออกมาได้
การวิเคราะห์ความหมาย
1. องค์ประกอบของความหมาย
- เนื่องจากภาษาเป็นเครื่องมือในการสื่อความหมาย
ภาษาแต่ละภาษาจึงต้องมีระบบที่จะแสดงความหมาย คือ
1. คำศัพท์ คือคำที่ตกลง
ยอมรับกันของผู้ใช้ภาษาที่จะมีคำศัพท์จำนวนมากในการสื่อความหมาย
ความหมายของคำแต่ละคำจะเปลี่ยนแปลงไปได้ในบริบทต่างๆตามที่คำนั้นปรากฏอยู่
2. ไวยากรณ์ หมายถึง แบบแผนการจัดเรียงคำในภาษา
เพื่อให้เป็นประโยคที่มีความหมาย
3. เสียง ในภาษาจะมีเสียงจำนวนมากซึ่งเป็นเสียงที่มีความหมาย
หากนำเสียงเหล่านี้มารวมกันเข้าอย่างมีระบบระเบียบ จะทำให้เกิดเป็นหน่วยที่มีความหมาย
เรียกว่า คำ หรือ คำศัพท์
2. ความหมายและรูปแบบ
- ความหมายและรูปแบบมีความสัมพันธ์กันดังนี้
1. ในแต่ละภาษา
ความหมายหนึ่งอาจจะแสดงออกได้หลายรูปแบบ เช่น
ในรูปประโยคที่ต่างกันหรือใช้คำที่ต่างกัน
2. รูปเดียวอาจจะมีหลายความหมาย
ความหมายของรูปแบบแต่ละรูปแบบนั้นไม่แน่นอนตายตัวเสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริบทเป็นสำคัญ
3. ประเภทของความหมาย
1. ความหมายอ้างอิง (referential
meaning) หมายถึง
ความหมายที่กล่าวอ้างโดยตรงถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม
หรือเป็นความคิด มโนภาพ อาจเป็นความหมายทั่วๆไป หรือเป็นความหมายอ้างเฉพาะ
2. ความหมายแปล (connotative meaning) หมายถึง ความรู้สึกทางอารมณ์ของผู้อ่าน ผู้ฟัง
ซึ่งอาจจะเป็นความหมายในทาง บวก
หรือทางลบก็ได้ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของภาษาและภูมิหลังของบุคคล
3. ความหมายตามบริบท (contextual meaning) รูปแบบหนึ่งๆของภาษาอาจจะมีความหมายได้หลายความหมาย
ต้องพิจารณาจากบริบทที่แวดล้อมคำนั้นทั้งหมด
จึงจะรู้ความหมายที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ
4. ความหมายเชิงอุปมา (figurative meaning) เป็นความหมายที่เกิดจากการเปรียบเทียบ ทั้งการเปรียบเทียบโดยเปิดเผย
และการเปรียบโดยนัย ผู้แปลจะต้องวิเคราะห์การเปรียบเทียบ
- สิ่งที่นำมาเปรียบเทียบ (topic)
-
สิ่งที่ถูกเปรียบเทียบ (illustration)
-
ประเด็นของการเปรียบเทียบ (point of similarity)
การเลือกบทแปล
- เลือกบทแปลตามวัตถุประสงค์ของการสอนแปล
เพื่อให้ได้ซึ่งความหลากหลายของประเภทงานเขียน
โดยคำนึงถึงการทำให้ผู้เรียนได้มีโอกาสตระหนักถึงความบกพร่องต่างๆของตนในการแปล
และให้ผู้เรียนได้ความรู้ทางด้านทักษะทางภาษา และเนื้อหาไปด้วย
เรื่องที่จะแปล
- เรื่องที่จะเลือกมาแปลมีหลายสาขา ต้องเลือก
ซึ่งจะทำให้คนมีความรู้ทันสมัย จึงควรมีคณะกรรมการแปลระดับชาติ โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ
คือ กรรมการ และอนุกรรมการ
- การแปลหนังสือวิชาการสาขาต่าง ๆ จะเป็นการกำจัดอุปสรรคความรู้ภาษาต่างประเทศไม่ดีพอ
จึงควรเลือกหนังสือที่เป็นหลักวิชาที่ยอมรับกันในสาขาวิชานั้นๆ ผู้แปลแต่ละสาขาจะต้องฝึกฝนภาษาอังกฤษในสาขาวิชาของตนด้วย
- การเลือกหนังสือที่จะแปล
1.
เป็นเรื่องที่เลือกเฟ้น
2.
เรียบเรียงให้ถูกต้องทันกับสากล ตลอดจนความละเมียดละไมลึกซึ้งในภาษา
3.
ใช้ภาษาแปลอย่างถูกต้อง
- ข้อควรระวัง คือ เรื่องวัฒนธรรม
SUKSAN CHAIRAKSA NO.5681114011
ENGLISH MAJOR ’01, FACULTY OF EDUCATION.
NSTRU
No comments:
Post a Comment